สารสเตอรอยด์และอันตราย
สเตอรอยด์
(steroid) เป็นสารชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้น
โดยมีลักษณะเป็นลิพิด
(lipid) ซึ่งประกอบด้วยวงแหวนคาร์บอนจำนวน
4 วง เชื่อมต่อกัน
ประเภทของสารในกลุ่มสเตอรอยด์ได้แก่
1. แอนนาบอลิก
สเตอรอยด์
(anabolic
steroid)
2. คอร์ติโคสเตอรอยด์
(corticosteroid)
3. ฮอร์โมนเพศ
(sex
hormone)
4. โปรฮอร์โมน
(prohormone)
5. ไฟโตสเตอรอล
(phytosterol)
สเตอรอยด์
ประเภทคอร์ติโคสเตอรอยด์และฮอร์โมนเพศมีความสำคัญคือเป็นฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตชั้นนอก
(adrenal
cortex) ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้มีความสำคัญต่อร่างกาย
ในทางการแพทย์ได้มีการสังเคราะห์สารเหล่านี้มาเพื่อใช้เป็นยาต้านอักเสบและแก้แพ้
ทำให้สามารถใช้รักษาโรคได้กว้างขวาง
สำหรับรูปแบบของสเตอรอยด์ที่นำมาใช้ในทางการแพทย์สามารถแบ่งออกหยาบๆตามรูปแบบของยาได้เป็นสองรูปแบบ
1. สเตอรอยด์ประเภทใช้ภายนอก
เป็นสเตอรอยด์ที่มุ่งหวังในการให้ออกฤทธิ์เฉพาะที่โดยไม่จำเป็นต้องกินหรือฉีดยา
ทำให้สามารถลดผลข้างเคียงที่เกิดจากยาได้ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามการใช้ยาเหล่านี้ยังคงต้องใช้อย่างเคร่งครัด
เพื่อป้องกันผลที่ไม่พึงประสงค์
ตัวอย่างรูปแบบยาที่ใช้ภายนอกได้แก่
-
ยาทา ทั้งในรูปของครีม
โลชัน
หรือขี้ผึ้ง
สำหรับรักษาผื่นแพ้
ลมพิษ
ผิวหนังอักเสบ-คัน
สะเก็ดเงิน
-
ยาหยอดตาและยาหยอดหู
สำหรับรักษาภูมิแพ้หรือการอักเสบที่ตาและหู
-
ยาพ่นจมูก
สำหรับรักษาโรคภูมิแพ้ที่มีอาการทางจมูก
ริดสีดวงจมูก
-
ยาพ่นคอ สำหรับรักษาโรคหืด
ภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการหอบ
2. สเตอรอยด์ประเภทกินและฉีด
เป็นสเตอรอยด์ที่ต้องรับเข้าไปภายในร่างกาย
เช่น
การกินเข้าไป
หรือการฉีดให้ทางผิวหนังหรือหลอดเลือด
ใช้สำหรับการรักษาโรคหรือภาวะบางอย่าง
เช่น
อาการแพ้ที่รุนแรง
อาการหืดที่รุนแรง
หรือภาวะภูมิไวเกิน
รวมทั้งผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
อย่างไรก็ตามการรับยากลุ่มนี้ในปริมาณมาก
หรือได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ
จะส่งผลต่อภาวะไม่พึงประสงค์
เช่น
กดภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย
ภาวะต้านอินซูลินหรือเบาหวานเทียม
บวมน้ำและความดันโลหิตสูง
ภาวะกระดูกพรุน
รวมทั้งแผลหลุมในระบบทางเดินอาหาร
การหย่อยยานของผิวหนัง
ต้อที่ตา
ความผิดปกติที่ต่อมหมวกไต
เป็นต้น
อันตรายที่สามารถพบได้จากการใช้สารกลุ่มสเตอรอยด์
ได้แก่
-
การติดเชื้อ
การใช้สเตอรอยด์ในขนาดที่สูงจะมีผลในการกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ทำให้มีการติดเชื้อได้ง่าย
รวมทั้งบดบังอาการแสดงออกของโรคติดเชื้อ
ทำให้ตรวจพบโรคเมื่อมีอาการรุนแรงแล้ว
-
กดการทำงานของระบบที่ควบคุมการหลั่งฮอร์โมน
เนื่องจากระบบที่ทำงานควบคุมการหลั่งฮอร์โมนในกลุ่มนี้จะประกอบด้วย
ฮัยโปธาลามัส
(hypothalamus) ต่อมใต้สมอง
(pituitary
gland) และต่อมหมวกไต
ในภาวะที่มีระดับของคอร์ติซอล
(cortisol) ในกระแสเลือดสูงจะมีการไปกระตุ้นฮัยโปธาลามัสให้ส่งสัญญาณไปยังต่อมหมวกไตให้ลดการสร้างสเตอรอยด์
การให้ในปริมาณมากๆจะไปกดการทำงานของระบบเหล่านี้
เมื่อมีการหยุดให้ยาจะทำให้ร่างกายขาดฮอร์โมนชนิดนี้อย่างกระทันหัน
-
แผลในกระเพาะอาหาร
เนื่องจากสเตอรอยด์มีผลในการทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารบางลงและยับยั้งการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทดแทนของเก่าที่หลุดลอกไป
ทั้งยังพบว่าสามารถทำให้มีการหลั่งกรดเพิ่มขึ้นอีกด้วย
-
ผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง
สามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพและอารมณ์ได้
โดยการให้ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอารมณ์มีความสุข
ส่งผลต่อการติดยาได้
นอกจากนี้ยังพบภาวะอื่นๆ
เช่น
นอนไม่หลับหรือนอนหลับดีเกินไป
กระสับกระส่าย
หงุดหงิด
เครียด
เป็นต้น
-
ภาวะไม่พึงประสงค์อื่นๆ
o
กระดูกพรุน
o
ยับยั้งการเจริญเติบโตของร่างกาย
o
โปแทสเซียมในเลือดต่ำ
o
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
o
ความผิดปกติที่ตา
o
ผลต่อผิวหนัง
o
Cushing’s syndrome
การใช้ยาสเตอรอยด์ต้องคำนึงถึงการใช้ปริมาณที่น้อยและระยะเวลาที่สั้น
เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงขึ้น
แต่ปัจจุบันพบว่ามีผู้ได้รับสเตอรอยด์โดยไม่ทราบสาเหตุจำนวนมาก
จากการพยายามขวนขวายหาซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์ในการดูแลสุขภาพมากินเองจากการที่ไม่ค่อยมีเวลาไม่ว่า
จะเป็นยาชุด
ยาลูกกลอน
ยาสมุนไพรชนิดต่างๆ
เนื่องจากบางครั้งพบการแอบผสมสารสเตอรอยด์
เช่น
เดกซาเมธาโซน
(dexamethasone) หรือเพรดนิโซโลน
(prednisolone) ร่วมด้วยทำให้เห็นผลทางการรักษาอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่รับประทานจึงเชื่อว่ายาสามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งที่จริงแล้วตัวยาสเตอรอยด์ไม่ได้รักษาอาการผิดปกติโดยตรง
และเมื่อได้รับยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ
อาการไม่พึงประสงค์จะยิ่งแสดงออกมามากขึ้น
จนทำให้เกิดความผิดปกติอื่นๆตามมา
ข้อควรระวังในการใช้คือ
1. ควรใช้เท่าที่จำเป็น
อย่าพร่ำเพรื่อ
อย่าใช้เป็นยาแก้ปวดหรืออักเสบโดยยังไม่ทราบสาเหตุ
ถ้าจำเป็นต้องใช้ให้ใช้ปริมาณที่น้อยและระยะเวลาที่สั้น
2. ควรรับประทานยาลดกรดควบคู่ด้วยทุกครั้งเพื่อป้องกันการระคายกระเพาะ
3. ผู้ป่วยที่ใช้สเตอรอยด์ติดต่อกันนานๆ
เมื่ออาการดีขึ้นต้องค่อยๆลดขนาดของยาลงทีละน้อย
เพื่อให้ต่อมหมวกไตค่อยๆฟื้นตัวขึ้น
หากหยุดยาโดยทันทีอาจเกิดอันตรายได้
กรณีผู้ติดยาชุดหรือยาลูกหลอนที่มีสเตอรอยด์เป็นเวลานาน
เมื่อต้องการเลิกยาควรปรึกษาแพทย์
เพื่อหาทางในการลดปริมาณยาลง
4. ควรระวังการใช้ในผู้ที่มีสภาวะหัวใจล้มเหลว
ไตวาย
ความดันโลหิตสูง
เบาหวาน
กระดูกพรุน
ผู้มีประวัติวัณโรค
ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
5. ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
เป็นแผลในกระเพาะอาหาร
โรคติดเชื้อรา
โรคติดเชื้อไวรัส
ต้อหิน
หรือผู้แพ้ยากลุ่มนี้
ข้อสังเกตว่ายาที่รับประทานอยู่อาจมีส่วนผสมของสเตอรอยด์คือ
1.
ทำให้อาการปวดเมื่อยหายอย่างรวดเร็ว
รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว
2.
เจริญอาหารมากขึ้น
เห็นอะไรก็รู้สึกอร่อยไปหมด
รับประทานอาหารได้เยอะขึ้น
ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
3.
นอนหลับได้ดี
4.
เมื่อใช้ยานานๆ
จะรู้สึกว่าหน้าบวม
หน้าแดง
ผิวหน้าบางมองเห็นเส้นเลือดฝอย
ขนและหนวดเยอะขึ้น
ตัวอ้วนกลม
แต่แขนขาเล็ก
มีก้อนโหนกของเนื้อที่ต้นคอ
บทบาทของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาในการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับสารสเตอรอยด์
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนดให้สารสเตียรอดย์เป็น “ยาควบคุมพิเศษ” ซึ่งร้านขายยาจะจำหน่ายให้กับผู้บริโภคได้ จะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ยกเว้น สารสเตีย-รอยด์ ที่นำไปใช้เป็นยาเฉพาะที่ กับผิวหนัง ตา หู คอ จมูก หรือปาก ซึ่งจัดเป็น “ยาอันตราย” และจำหน่ายได้เฉพาะร้านขายยาแผนปัจจุบันเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่ผลิต ขายหรือนำเข้าสารสเตียรอยด์จะต้องจัดทำบัญชีซื้อ ขาย ไว้ด้วย รวมทั้งต้องรายงานปริมาณและมูลค่าการผลิต นำเข้ายาดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เนื่องจากสเตียรอยด์เป็นสารอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงมีการควบคุม ดูแล ภายใต้กฎหมายที่บัญญัติไว้ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามความผิดที่กระทำตามที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัติยา ดังั้น
-
ขายยาชุดที่มียาสเตียรอยด์ผสมอยู่ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-
ขายยาสเตียรอยด์โดยไม่มีใบสั่งยา (กรณีเป็นยาควบคุมพิเศษ) / เภสัชกรไม่ควบคุมการขายยาควบคุมพิเศษ ปรับ 1,000-5,000 บาท
-
ผู้ประกอบการขายยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ ระหว่างที่เภสัชกรไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ ปรับ1,000-5,000 บาท
-
ผู้ประกอบการรายงานการผลิต/การนำเข้าไม่ตรงกับความจริง หรือไม่รายงานมาที่สำนัก-งานคณะกรรมการอาหารและยา ปรับ 2,000-10,000
บาท
อ้างอิง
ธีรัตถ์ เหลืองมั่นคง. 2556. ปลอดภัยหรือไม่เมื่อใช้สเตียรอยด์ (steroid). แหล่งที่มา : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/142/สเตียรอยด์-steroid-ใช้แล้วปลอดภัยหรือไม่. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. ไม่ทราบชื่อเรื่อง. แหล่งที่มา : http://www.rcost.or.th/web/index.php?option=com_content&view=article&id=13%3A2010-01-28-07-23-10&catid=19&Itemid=109. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. สเตอรอยด์ Steroid คือ อะไร. แหล่งที่มา : http://www.brand-a.com/05tips/steroid.html. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. สเตอรอยด์. แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/สเตอรอยด์. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. รู้จักสเตียรอยด์ดีหรือยัง. แหล่งที่มา : http://webnotes.fda.moph.go.th/consumer/csmb/csmb2546.nsf/723dc9fee41b850847256e5c00332fb4/0aedb8b0fe960133c7256cbb0025d1a9?OpenDocument. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. สเตอรอยด์ - Steroids. แหล่งที่มา : http://www.thailabonline.com/drug/drug20.htm. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ สเตียรอยด์. แหล่งที่มา : http://www.it-gateways.com/charoenvej/News/steroid.htm. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
อ้างอิง
ธีรัตถ์ เหลืองมั่นคง. 2556. ปลอดภัยหรือไม่เมื่อใช้สเตียรอยด์ (steroid). แหล่งที่มา : http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/142/สเตียรอยด์-steroid-ใช้แล้วปลอดภัยหรือไม่. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. ไม่ทราบชื่อเรื่อง. แหล่งที่มา : http://www.rcost.or.th/web/index.php?option=com_content&view=article&id=13%3A2010-01-28-07-23-10&catid=19&Itemid=109. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. สเตอรอยด์ Steroid คือ อะไร. แหล่งที่มา : http://www.brand-a.com/05tips/steroid.html. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. สเตอรอยด์. แหล่งที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/สเตอรอยด์. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. รู้จักสเตียรอยด์ดีหรือยัง. แหล่งที่มา : http://webnotes.fda.moph.go.th/consumer/csmb/csmb2546.nsf/723dc9fee41b850847256e5c00332fb4/0aedb8b0fe960133c7256cbb0025d1a9?OpenDocument. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. สเตอรอยด์ - Steroids. แหล่งที่มา : http://www.thailabonline.com/drug/drug20.htm. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง. ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ สเตียรอยด์. แหล่งที่มา : http://www.it-gateways.com/charoenvej/News/steroid.htm. ค้นเมื่อ 17 กรกฏาคม 2558.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น